Power Cables มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?


 

Power Cables คือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้า เพราะทำหน้าที่หลักเป็นสายส่งกำลัง เพื่อให้เกิดความเสถียร ความต่อเนื่อง และให้ความปลอดภัยสูงสุดต่อทุกๆ การจ่ายพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น การเลือกใช้ หรือเลือกซื้อ Power Cables จึงควรต้องมีความรู้ ความเข้าใจอยู่บ้าง โดยเฉพาะในปัจจัยหลักๆ ที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้เลือกซื้อสายไฟได้อย่างตรงจุดประสงค์ ปลอดภัย และได้ใช้ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ที่คุ้นเคยกันดีอย่าง สายไฟ ให้มากขึ้น เพื่อที่อย่างน้อยๆ เมื่อถึงคราวที่ต้องซื้อหรือเปลี่ยน Cable power จะสามารถเลือกซื้อได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด

Power Cables คือ

หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยในชื่อเรียกของ สายส่งกำลัง หรือ cable power มากนัก แต่เมื่อเรียกว่าสายไฟเชื่อว่าทุกคนต้องนึกภาพออกเกี่ยวกับลักษณะ และรูปแบบของส่วนประกอบสำคัญในระบบไฟฟ้าชนิดนี้ ซึ่งสายไฟนั้นทำหน้าที่ในการส่งผ่านพลังงาน หรือส่งกำลังไฟฟ้าจากจุดหนึ่งให้ไปสู่อีกจุดหนึ่ง โดยที่จะส่งจ่ายพลังงานจากแหล่งกำเนิดไปยังผู้ใช้งานไฟฟ้าได้ผ่านทางสายส่งกำลังและระบบจ่าย ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนผ่านในระบบแรงดันสูง แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำ นอกจากนี้ สายไฟฟ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่แค่ส่งกระแสไฟฟ้าเท่านั้น แต่ในงานด้านระบบสื่อสาร การคมนาคม หรือในหลายๆ งานด้านอุตสาหกรรมสายไฟก็ยังมีบทบาทที่สำคัญ ชนิดที่เรียกว่า ‘ขาดไม่ได้’ เลยทีเดียว

สายไฟแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

ในการทำงานที่ต้องผ่านระบบแรงดันไฟฟ้า ทำให้การใช้สายไฟต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อความปลอดภัย และการส่งกำลังที่ดีที่สุด ซึ่งสายไฟแบ่งได้ 2 ประเภท คือ

 

สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Low Voltage Power cable)

สำหรับสายไฟฟ้าแรงดันต่ำจะมีลักษณะของสายไฟที่รองรับแรงดันไฟฟ้าได้ไม่เกิน 750V และจะมีฉนวนที่เป็นลักษณะแบบ XLPE ที่มีความแข็งแรง และทนทานสูง กับฉนวนแบบ PVC ที่มีความแข็งแรงน้อยกว่า แต่ก็มีราคาที่ถูกกว่า โดยสายไฟแรงดันต่ำมักจะผลิตด้วยทองแดง หรืออะลูมิเนียม แต่จะพบแบบทองแดงได้บ่อยกว่า ซึ่งสายไฟประเภทนี้จะมีอยู่ 4 ชนิดย่อย คือ

  • สายไฟ THW เป็นสายไฟแรงดันต่ำแบบสายชนิดเดี่ยว พบเห็นได้บ่อย และใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมมาก เนื่องจากใช้ในวงจรแบบ 3 เฟส ได้

  • สายไฟ VAF เป็นสายไฟที่ทนแรงดันได้ถึง 300V มีทั้งแบบสายเดี่ยว สายคู่ และสามสาย ลักษณะพิเศษคือมีฉนวนหุ้ม และเปลือกหุ้มฉนวนอีกชั้น นิยมใช้การเดินระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่เหมาะกับการใช้ในวงจร 3 เฟส

  • สายไฟ VCT สายไฟฟ้าที่รองรับแรงดันได้ถึง 750V ตัวสายลักษณะกลม และมีจุดเด่นคือประกอบด้วยสายทองแดงเส้นเล็กจำนวนมาก ทำให้สายไฟแบบนี้มีความอ่อน ต่อลงดินได้ง่าย และทนต่อแรงสั่นสะเทือน

  • สายไฟ NYY สายไฟลักษณะกลม ทนแรงดันได้ถึง 750V มีลักษณะแบบแกนเดียว และหลายแกน นิยมใช้กันมาก เพราะเป็นสายที่มีเปลือกหุ้ม ป้องกันความเสียหายได้ดี และยังฝังใต้ดินได้ด้วย 

สายไฟฟ้าแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)

สำหรับสายไฟฟ้าแรงดันสูงจะมีลักษณะของสายแบบตีเกลียว และมีขนาดใหญ่ โดยสายไฟฟ้าแรงดันสูงนั้นจะมีทั้งแบบเปลือยและหุ้มฉนวน อีกทั้งสายไฟยังสามารถรับแรงดันได้ตั้งแต่ 1KV ไปจนถึง 36KV  โดยสายส่งกำลังแบบแรงดันสูงนั้นมีถึง 7 รูปแบบด้วยกัน คือ

 

  • สายไฟแบบ AAC เป็นสายไฟอะลูมิเนียมตีเกลียวชนิดเปลือย และสายไฟชนิดนี้สามารถที่จะรับแรงดันได้ต่ำทำให้เหมาะที่จะใช้ในระยะสั้นๆ ไม่เกิน 50 เมตร อย่างไรก็ตาม หากเป็นสายขนาดใหญ่ขึ้นอีกนิดอย่าง 95 มิลลิเมตร ก็อาจจะใช้ได้ถึงระยะ 100 เมตร

  • สายไฟแบบ AAAC เป็นสายไฟชนิดผสม มีหลายวัสดุเช่น แมกนีเซียม ซิลิคอน และอะลูมิเนียม ทำให้มีความเหนียว และทนแรงดันได้สูงมาก รวมทั้งยังทนต่อการกัดกร่อน มักใช้ในการเดินสายแถบชายหาด

  • สายไฟแบบ ACSR สายไฟที่ใช้อะลูมิเนียมตีเกลียว โดยมีสายเหล็กอยู่ตรงกลาง รองรับแรงดึงได้สูง ทำให้สามารถขยายระยะห่างระหว่างเสาได้มาก ขึงได้ในระยะยาวขึ้น แต่ความทนทานน้อยกว่า AAAC

  • สายไฟแบบ PIC หรือ Partial Insulated Cable เป็น Power Cables ที่ออกแบบมาให้ใช้แทนสายไฟเปลือย เพื่อลดโอกาสในการลัดวงจรได้ง่าย ประกอบด้วยตัวนำอะลูมิเนียมตีเกลียว และฉนวน XLPE

  • สายไฟแบบ SAC สายไฟที่มีอะลูมิเนียมตีเกลียวเป็นตัวนำ และหุ้มฉนวน XLPE เหมือนกับแบบ PIC แต่ต่างกันตรงที่มีเปลือกหุ้มอีกหนึ่งชั้น เพื่อเสริมความทนทานให้มากกว่าแบบ PIC

  • สายไฟแบบ PAC เป็นสายไฟที่มีโครงสร้างคล้ายกับสายไฟแบบ XLPE ที่มีตัวนำเป็นอะลูมิเนียม ทนทาน และมีความปลอดภัยสูง เหมาะในการใช้บริเวณที่อยู่อาศัย หรือมีคนพลุกพล่าน

  • สายไฟแบบ XLPE เป็นสายที่นิยมใช้มากที่สุด และเป็นแบบ Fully Insulated มีความปลอดภัยสูง ใช้งานได้ในหลากหลายพื้นที่

วิธีเลือกใช้ Power Cables ให้เหมาะสมกับประเภทของงาน

สำหรับการเลือกซื้อ Power Cables ให้เหมาะสมกับประเภทของงานนั้น ควรเลือกจากสายไฟที่มีมาตรฐานของ มอก. ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย และมาตรฐานสำหรับการใช้งาน รวมทั้งยังเป็นสายไฟที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ต้องเข้าใจในการแยกประเภทของสายไฟด้วย เช่น สายไฟที่จะใช้ในการเดินลอยในบ้านควรเป็นสายไฟแบบไหน หรือการใช้สายไฟเพื่อใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง แอร์ ตู้เย็น ควรเป็นแบบไหน ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าของบ้านอาจจะมีความรู้ในระดับที่พอเลือกได้ หรือเข้าใจว่าสายไฟแบบไหนใช้ในงานอุตสาหกรรม และแบบไหนเหมาะต่อการใช้งานในบ้านก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง แต่สำคัญที่สุดคือการเลือกช่างผู้ชำนาญในการเดินสาย หรือติดตั้ง เพราะจะช่วยให้ความมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน

ประโยชน์ของการเลือกใช้สายไฟที่ถูกต้อง

สายไฟที่มีคุณภาพนั้นจะช่วยให้การเดินทางของพลังงานไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้านั้นมีความเสถียร ปลอดภัย ซึ่งต้องบอกเลยว่าการส่งกำลังไฟฟ้านั้นมีอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การเลือกใช้สายไฟที่เหมาะสม และถูกต้องที่สุดสำหรับการใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญ นั่นก็เพราะจะทำให้ได้รับพลังงานไฟฟ้าตามต้องการ ไม่เกิดการสะดุด อย่างปัญหาไฟกระตุก ไฟเกิน และสำคัญที่สุดคือ ไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งนี่คือประโยชน์ที่สำคัญที่สุดในการเลือกสายไฟฟ้าให้เหมาะสม

มิซูมิ ไทยแลนด์ ผู้จัดจำหน่าย Power Cables มาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีความปลอดภัยที่สุดต่อการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า จึงควรเลือกซื้อ Power Cables ที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมทั้งเลือกซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่ไว้วางใจได้ อย่างเช่นที่ misumi-ec.com ที่มีตัวเลือกของสายไฟจากแบรนด์ชั้นนำ และได้รับมาตรฐาน มอก. จึงมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการใช้งาน


ติดตามเรื่องราวดีๆ จาก มิซูมิ ไทยแลนด์ ได้ที่

เว็บไซต์: th.misumi-ec.com

Facebook: MISUMI Thailand

Comments

Popular posts from this blog

ตู้ RMU หรือ Ring Main Unit คืออะไร?

โซลินอยด์วาล์ว อุปกรณ์สำคัญในระบบควบคุมการไหลของของเหลวและก๊าซ

ไทม์มิ่งพูลเล่ย์ (มู่เลย์) สายพานคืออะไร? มีกี่ประเภท?